02-6934424   advanceclinic01@gmail.com    

รอยสิว, ฝ้า, กระ, จุดด่างดำ, กระลึก, กระแดด, รักษาปานดำ, เม็ดสี และลบรอยสัก

Nd yad, Meso Reju, IPL หน้าขาวใส,หน้าเด้ง, Phono, Usa Peeling

ND YAG Laser

เป็นการรักษาโดยการทำลายเม็ดสี เซลล์สีให้แตกกระจายออก แล้วให้เม็ดเลือดขาวดูดซึมเม็ดสี ทำให้ค่อยๆ จางลง โดยแบ่งเป็น 4 ชนิด ได้แก่ Q-switched Ruby (694 nm), Q-switched Alexandrite (755 nm), Q-switched ND-YAG (1064 และ 532 nm) 

ใช้เพื่อรักษาอะไรและเหมาะกับใคร
ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส และรักษาความผิดปกติของเม็ดสี รวมทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของ ฝ้าลึก กระหนา รอยต่างๆ ที่แก้ไขได้ยาก รักษาฝ้าลึก ฝ้าตื้น ฝ้าดื้อยา กระลึก กระแดด ลบรอยสัก ปาน รักษารอยดำสิว รอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังช่วยในการฟื้นฟูให้ผิวหน้ากระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์เนื่องจากมีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า รักษารอยคล้ำหมอง ทำให้ผิวเรียบเนียน กระชับรูขุมขน เหมาะกับทุกสีผิว


 
การรักษาแต่ละครั้ง ใช้เวลานานเท่าไร
ใช้เวลาในการรักษาโดยรวมครั้งละประมาณ 20 - 30 นาที ทั้งนี้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้และการวินิจฉัยของแพทย์ผู้ทำการรักษา

ควรจะต้องทำกี่ครั้ง จึงจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน
ควรรับบริการอย่างน้อย 3 - 6 ครั้ง จะรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนในครั้งแรก

สามารถทำได้บ่อยครั้งแค่ไหน
เว้นระยะห่างระหว่างทรีทเมนต์ 7 – 10 วัน โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ผู้ที่ไม่ควรทำทรีทเมนต์นี้
ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร

ผลข้างเคียงที่อาจได้รับ
มีผลข้างเคียงต่ำสามารถกลับไปทำงาน ใช้ชีวิตประจำวัน ได้ตามปกติทันทีภายหลังการรักษา ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆประมาณ 1-2 สัปดาห์ และป้องกันแสงแดดด้วยครีมกันแดด

หมายเหตุ ข้อมูลนี้ใช้เพื่อการประกอบการตัดสินใจเท่านั้น

 
 

Meso Reju

Meso ฝ้า

คือการฉีดสารวิตามิน เข้าที่หน้า  ด้วยตัวยาต่างๆ เช่น วิตามินซี ,คอลลาเจน ,กรดไฮยาลูโรนิค หรือ Growth Factor เพื่อให้หน้าขาวใส เป็นการกระตุ้นและฟื้นฟู เซลล์ผิวภายชั้นนอก ที่หมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยดำจากสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ จะผิวหน้าขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นหลายเท่า ด้วยเทคนิคที่ให้ตัวยาออกฤทธิ์ ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่า ใบหน้าจะขาวกระจ่างใสในวันรุ่งเช้า    

สาเหตุของการเกิดฝ้า กระ
- แสงแดดเป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า กระ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงยูวีจากดวงอาทิตย์ทำร้ายผิวมากที่สุด
- ประการต่อมาการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน ทำให้การสร้างเม็ดสีของผิวทำงานผิดปกติ เช่น อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด ฯลฯ ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดฝ้า กระ
- ลักษณะสีผิวที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- แพ้น้ำหอมหรือเครื่องสำอางทำให้เกิดรอยคล้ายฝ้า กระ 
      
ฝ้า กระ มักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า คอ และลำตัว โดยแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. ฝ้า กระ แบบตื้น ลักษณะเป็นสีน้ำตาลขอบชัด อยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า รักษาให้หายได้ไม่ยากด้วยการใช้ยาทาฝ้า และครีมกันแดด
2. ฝ้า กระ แบบลึก ลักษณะสีน้ำตาลหรือดำ เป็นความผิดปกติในระดับผิวหนังแท้ รักษายากและการใช้ยาไม่ได้ทำให้อาการหายไป
 
ผลลัพธ์ของการทำ Meso-Melasma
- รอยฝ้า กระจางลงตั้งแต่ครั้งแรก
- รูขุมขนกระชับขึ้น สิวเสียนหายไป และผิวหน้าเนียนกระจ่างใส
- สุขภาพผิวดีขึ้น ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
- ฝ้า กระ จุดด่างดำจาง และริ้วรอยความหมองคล้ำจางลง
- สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ
- เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 4 - 6 ครั้ง โดยขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล 

ข้อดีของการทำ Meso-Melasma
- ไม่เจ็บ ไม่เกิดรอยช้ำ และไม่มีอาการบวม
- ไม่ต้องพักฟื้น
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ 
      
การดูแลตัวเองหลังทำ Meso-Melasma
- ห้ามล้างหน้า 4 - 6 ชั่วโมงหลังทำ เพื่อการออกฤทธิ์ที่ดีของตัวยา
- หลังทำ 2 วัน ห้ามโดนแสงแดดแรงๆ
- หลังทำอาจมีรอยแดงเกิดขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

 
 

Meso Superbright

คือการฉีดสารวิตามิน เข้าที่หน้า  ด้วยตัวยาต่างๆ เช่น วิตามินซี ,คอลลาเจน ,กรดไฮยาลูโรนิค หรือ Growth Factor เพื่อให้หน้าขาวใส เป็นการกระตุ้นและฟื้นฟู เซลล์ผิวภายชั้นนอก ที่หมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รอยดำจากสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ จะผิวหน้าขาวใส เรียบเนียนยิ่งขึ้น ซึ่งจะให้ผลเร็วกว่าการทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นหลายเท่า ด้วยเทคนิคที่ให้ตัวยาออกฤทธิ์ ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่า ใบหน้าจะขาวกระจ่างใสในวันรุ่งเช้า 

ใช้เพื่อรักษาอะไรและเหมาะกับใคร
ช่วยเสริมวิตามินให้แก่ชั้นผิว ทำให้ผิวมีสุขภาพดี จึงเหมาะสำหรับผิวที่ขาดการบำรุง หรือผู้ที่ใส่ใจดูแลผิวเป็นพิเศษ


 
ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างไร
ทายาชา 15 - 20นาที แล้วฉีดยาวิตามินทั่วหน้าโดยปกติ จะสามารถทำได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

การรักษาแต่ละครั้ง ใช้เวลานานเท่าไร
ใช้เวลาในการรักษาโดยรวมครั้งละประมาณ 30 นาที ทั้งนี้เวลาในการรักษาแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้และการวินิจฉัยของ แพทย์ผู้ทำการรักษา
 
ควรจะต้องทำกี่ครั้ง จึงจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน
ควรรับบริการอย่างน้อย 5 ครั้ง โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

สามารถทำได้บ่อยครั้งแค่ไหน
เว้นระยะห่างครั้งละ 1 สัปดาห์ โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ผลข้างเคียงที่อาจได้รับ
อาจมีรอยแดงเล็กน้อยในจุดที่เน้น ซึ่งจะหายได้เองภายใน 1 - 2 วัน 

หมายเหตุ ข้อมูลนี้ใช้เพื่อการประกอบการตัดสินใจเท่านั้น
 
 

LASER Advance IPL  

เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็น IPL ที่ดีขึ้น จึงช่วยทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ มากขึ้นเป็นโปรแกรมการรักษาด้วยเทคโนโลยี Advance IPL (Intense Pulsed Light) ซึ่งเป็น พลังงานแสงความเข้มสูง คล้ายแสงแฟลช ใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง และรักษาริ้วรอยที่ถูกทำร้ายโดยแสงแดด

ใช้เพื่อรักษาอะไรและเหมาะกับใคร
ผิวเรียบขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น รอยดำและรอยแดงจางลง ทำให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส

การรักษาแต่ละครั้ง ใช้เวลานานเท่าไร
ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษาและดุลยพินิจของแพทย์

ควรจะต้องทำกี่ครั้ง จึงจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน
โดยทั่วไปหลังการรักษาเพียงครั้งเดียวจะรู้สึกได้ว่า ผิวเรียบขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น รอยดำและรอยแดงจางลง เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจนควรรักษา 4 - 6 ครั้งขึ้นไป
 
สามารถทำได้บ่อยครั้งแค่ไหน
เว้นระยะห่างระหว่างทรีทเมนต์ประมาณ 4 – 6 อาทิตย์
 
ผู้ที่ไม่ควรทำทรีทเมนต์นี้
สตรีมีครรภ์และผู้ที่อยู่ระหว่างการให้นมบุตร

ผลข้างเคียงที่อาจได้รับ
หลังทำอาจรู้สึกร้อนที่ผิวประมาณ 20 - 30 นาที มีรอยแดงบางบริเวณซึ่งจะหายไปในเวลา 2 – 3 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1 สัปดาห์และควรทายากันแดดเป็นประจำ
 
หมายเหตุ ข้อมูลนี้ใช้เพื่อการประกอบการตัดสินใจเท่านั้น
 
 
 

Phonophoresis

Phonophoresis คืออะไร?
เป็นเทคนิคการผลักยาผ่านเซลล์ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว และปริมาณมากกว่าการทาครีม หรือทายาปกติ โดยใช้คลื่นเหนือเสียง (ultrasonic wave) ความถี่สูง 1 MHz เป็นตัวผลักยา หรือวิตามิน การผลักยาด้วยวิธีนี้ ทำให้ยาซึมผ่านผิวได้มาก และรวดเร็วกว่า การทายาหรือทาครีม

Phonophoresis ทำให้หน้าใส ได้อย่างไร?
ทำให้หน้าใส ได้ด้วยการผลักวิตามิน ชนิดต่างๆ ที่ทำให้ หน้าใส เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี สารให้ความชุ่มชื้นต่าง ๆ เช่น อะโลเวรา สารต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น ผิวจะใส และชุ่มชื้น นุ่มนวลขึ้นด้วย นอกจากนั้นแล้ว คลื่น ultrasonic ยังจะทำให้เกิด การนวดเล็กๆ ภายในผิวระดับเซลล์ ด้วย ทำให้มีการไหลเวียนโลหิต และน้ำเหลืองเพิ่มขึ้น เซลล์ผิวจึงได้อาหาร มาเลี้ยงมากขึ้น และเพิ่มการขับของเสีย ออกจากเซลล์ทางระบบน้ำเหลือง ผิวจึงนุ่มเนียน และสดใส ดูอ่อนเยาว์ มากยิ่งขึ้น

ต้องทำกี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล?
เป็นการบำรุงผิวอย่างหนึ่ง แต่ไม่สามารถรักษารอยได้ทุกชนิด เช่น กระ ฝ้า ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือหรือเลเซอร์ อื่น ๆ ร่วมด้วย แต่ผู้รับการรักษา จะสามารถรู้สึกได้ว่าผิวใส และนุ่มเนียนขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มทำการรักษา

ความรู้สึกขณะทำ  เป็นอย่างไร?
ความรู้สึกขณะทำ จะรู้สึกเหมือนการนวดหน้า อย่างอ่อนโยน อาจจะอุ่นเล็กน้อยบนผิว หรืออาจจะไม่รู้สึกอุ่นเลยก็ได้ ขึ้นกับการตั้งค่าพลังงาน ความร้อนมิได้ทำให้การผลักวิตามิน เพิ่มได้มากขึ้น เพราะการผลักยา ขึ้นกับความถี่ของลูกคลื่น ความร้อนเป็นเพียงผลพลอยได้ อย่างหนึ่งเท่านั้น ที่ทำให้รู้สึกสบายขณะทำ
 
ทำได้บ่อยแค่ไหน?
ทำได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ตามแต่ความสะดวก และสามารถทำได้ต่อเนื่อง ไปได้เรื่อยๆ  ตามที่ต้องการ เพราะผิวต้องการการบำรุงอยู่ตลอดเวลา

Phonophoresis ลดการเกิดสิว และผดผื่นได้อย่างไร?
ลดการเกิดสิว และ ผดผื่น ได้ด้วยการผลักยา สำหรับลดอาการระคายเคือง และยารักษาสิวบางอย่างได้ ทำให้สิว และผื่นหายเร็วขึ้น รวมทั้งรอยดำ และรอยแดงจากสิว ก็จางลงได้ด้วย

ผลข้างเคียงจากการทำ Phonophoresis เป็นอย่างไร?
ผลข้างเคียง จากการทำ phonophoresis พบได้น้อยมากๆ ที่อาจพบในบางราย คือจะเกิดตุ่มแดงอยู่ประมาณ 15 นาทีก็จะหายไปได้เอง
 
 
 

Usa peeling

ผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วย กรดวิตามินจากอเมริกา ช่วยกระตุ้นผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำที่อยู่ด้านนอกค่อยๆหลุดออกไปอย่างช้าๆ ลดความมันบนใบหน้า ทำให้รูขุมขนกระชับ,ลดฝ้า,กระและจุดด่างดำจะค่อยๆจางและริ้วรอยตื้นๆได้อย่างดีผิวของคุณจะดูขาวใสขึ้น 
 
Usa peeling มีคุณสมบัติอย่างไร?
โดยปกติแล้วเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะหลุดออกจากผิวประมาณ 21-28 วัน เราเรียกกระบวนการนี้ว่า “ การผลัดเซลล์ผิว “ แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลัดเซลล์ผิวจะเริ่มช้าลง ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วกองสะสมอยู่บนผิวชั้นบนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ และหลุดลอกออกได้ยากขึ้น 

Usa peeling มีคุณสมบัติทำให้แรงยึดระหว่างเซลล์ผิวที่ตายแล้วลดลง เมื่อแรงยึดระหว่างเซลล์ลดลงก็ทำให้เซลล์ผิวที่ตายซึ่งทับถมกันอยู่หนาแน่นบนผิวหนังชั้นบนสุดหลุดลอกออกไปได้ง่าย เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างจะขึ้นมาแทนที่ด้านบนของผิว ทำให้เราเห็นผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียนนุ่มกว่า
              
ผลที่ได้หลังจากทำ Usa peeling?
Usa peeling จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้เข้าสู่สภาวะสมดุล ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวปกติ เมื่อผิวเก่าหลุดลอกออกไปแล้วผิวใหม่จะขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเดิม สิ่งที่ตามมาคือ
• ผิวใสขึ้น
• ผิวเรียบเนียนขึ้น
• ผิวนุ่มนวลขึ้น
• รอยด่างดำจางลง
• ลดการอุดตันที่รูขุมขน ทำให้โอกาสเกิดสิวลดลง

Usa peeling เป็นการลอกหน้า ซึ่งจะทำให้ผิวบางลงใช่หรือไม่?
Usa peeling เป็นการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ดังนั้นหลังทำ Usa peeling ประมาณ 7 วัน ผิวจะหลุดลอกออก ซึ่งช่วงนี้ผิวจะไวต่อแสง ทำให้เกิดจุดด่างดำได้ง่าย จึงเกิดการเข้าใจผิดว่า Usa peeling ทำให้ผิวบางลง ดังนั้นช่วงนี้จำเป็นต้องเลี่ยงแดดจัด เมื่อผ่านช่วงนี้ไปผิวจะเข้าสู่สภาวะปกติ ดังนั้น Usa peeling จึงไม่ทำให้ผิวบางลงแต่อย่างใด